ในช่วงไทม์ไลน์การเลือกตั้ง หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็นหุ้นยอดฮิตอีกหนึ่งกลุ่ม เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งนอกจากหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภาครัฐโดยตรงแล้ว ถ้าเราดูในภาพรวมวัสดุก่อสร้างสำหรับสร้างที่อยู่อาศัย แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องการสร้างหรือต่อเติมบ้าน คงจะคุ้นชื่อ ยี่ห้อหลังคาแบรนด์ “ตราเพชร” กันดีอยู่แล้ว
โดยบริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ประกอบด้วยสินค้า 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ หลังคา แผ่นผนังและฝ้า ไม้สังเคราะห์ สินค้าพิเศษ และการให้บริการถอดแบบและบริการติดตั้งระบบหลังคา ซึ่งนอกจากแบรนด์ตราเพชรแล้ว ยังมีแบรนด์อื่นๆ อีก ทั้งตราหลังคา ตราอดามัส และตราเจียระไน
แล้วความน่าสนใจของหุ้นตัวนี้มีอะไรบ้าง?
อันดับแรกเลยคือเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูง โดยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ฯ ประเมินอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.6% ขณะที่บล.ดีบีเอสคาดอัตราเงินปันผลตอบแทน 6.7% และ 7.4% ตามลําดับ (จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง และขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือนพฤษภาคมและกันยายน)
โบรกฯคาดกำไรสุทธิปี61 ไว้ที่ 420 ลบ.
นอกจากนี้มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/2561 อยู่ที่ 85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายประเมินไว้ที่ 1,030 ล้านบาท ขยายตัว 2% จากช่วงเดียวกันของไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งประมาณการกำไรและยอดขายที่เพิ่มขึ้น จากแรงหนุนยอดขายลูกค้าโครงการและโมเดิร์นเทรด จึงประเมินภาพทั้งปีมียอดขาย 4,392 ล้านบาท เติบโต 5% และคาดจะมีกำไรสุทธิ 420 ล้านบาท เติบโต 2%
ความต้องการใช้กระเบื้องหลังคาเพิ่ม บริษัทตั้งเป้ายอดขายโต 5%
ส่วนแนวโน้มในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 5% โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายในภาคใต้และภาคตะวันออกที่เติบโตแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นฟูความเสียหายจากพายุปาบึก ขณะเดียวกันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หันมาทําบ้านแนวราบมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้กระเบื้องหลังคาเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ในกลุ่มสินค้าไฟเบอร์และซีเมนต์เองก็เติบโตดีจากการเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานเพื่อใช้ทดแทนไม้ที่มีความแข็งแรงน้อยกว่า ส่วนอิฐมวลเบาก็ขยายตัวได้เพราะไปทดแทนอิฐมอญ ส่วนตลาดต่างประเทศอย่างตลาดกัมพูชาก็คาดว่าจะทำกำไรใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ขาดทุนน้อยลงเพราะราคาซีเมนต์ปรับขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่นักวิเคราะห์บล.เมย์แบงก์มองว่า DRT ยังทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่ยังซบเซา บวกกับยอดขายกลุ่มสินค้าทดแทนไม้ก็ยังเติบโตดี นอกจากนี้โบรกฯ ประเมินธุรกิจอิฐมวลเบาดีขึ้นในช่วง 1-2 ปี ขณะเดียวกันในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาราคาซีเมนต์ปรับขึ้นรวมแล้ว 10% ทำให้ขาดทุนน้อยลงเหลือประมาณ 40 ล้านบาท จากปี 2560 ที่ขาดทุนถึง 80 ล้านบาท
บทวิเคราะห์โดย บล.เมย์แบงก์, บล.ดีบีเอส
ที่มา drt-th.listedcompany.com